เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 19 เม.ย. ที่ศูนย์รับแจ้งความตำรวจสอบสวนกลาง ถนนพหลโยธิน จตุจักร กทม. นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฏร แบบบัญชีรายชื่อ-หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหา ความผิดต่อเสรีภาพ มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณี โทรศัพท์ข่มขู่ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ (ทนายเดชา) ว่าจะทำร้ายร่างกายโดยการจะส่งคนไปกระทืบหากไม่เลิกยุ่งกับคดีการเสียชีวิต ของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ในช่วงที่เป็นผู้รับผิดชอบในการต่อสู้คดี เพื่อให้แตงโมได้รับความยุติธรรมเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม 2565
โดยหลังเกิดเหตุ นายเดชา ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ตามความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 309 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด
นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายเดชาได้มาวิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นในคดีของแตงโม จนส่งผลให้ นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโมเกิดความกลัวและเป็นกังวล ซึ่งส่งผลต่อการทำคดีที่ตนเองเป็นผู้ดูแลอยู่ จึงให้ทนายความไปร้องเรียนมรรยาททนายความที่สภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมของนายเดชา ซึ่งต่อมาตนเองได้โทรศัพท์ไปหานายเดชา แต่ไม่ได้รับสาย ซึ่งในเวลาต่อมานายเดชาในโทรศัพท์กลับมาหาตนเอง จึงตักเตือนไปว่าอย่าให้ความเห็นทางกฎหมายในคดีนี้อีก พร้อมกับพูดว่า “ถ้าเป็นคนอื่น หรือเป็นสมัยก่อน ตนเองส่งคนไปกระทืบแล้ว” โดยไม่ทราบว่านายเดชาได้บันทึกเสียงไว้ แล้วนำมาเป็นหลักฐานแจ้งความดำเนินคดีตนเองในเวลาต่อมา นอกจากนี้ยังไปร้องเรียนตนเองที่คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร และ ป.ป.ช.ด้วย ซึ่งเรื่องที่สภาผู้แทนราษฎรได้ยุติไปแล้วเนื่องจากตนเองได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ไปแล้ว
กรณีนี้จึงเหลือข้อพิพาทอยู่ 2 ส่วน คือ เรื่องที่ ป.ป.ช. ซึ่งตนเองเห็นว่าไม่น่าจะเข้าข่าย เนื่องจาก ป.ป.ช. จะรับเฉพาะในส่วนที่เป็นการกระทำผิดต่อหน้าที่ การละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จึงไม่น่าจะใช่อำนาจในการพิจารณาของ ป.ป.ช. ส่วนในคดีอาญาที่มีการแจ้งความที่กองบังคับการปราบปราม ก็ดำเนินการไปตามขั้นตอน วันนี้จึงมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียก ซึ่งตนเองก็ให้การปฏิเสธกับข้อกล่าวหาของนายเดชา มั่นใจว่าไม่น่าจะเข้าข่ายความผิด ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 309 แต่น่าจะเข้าข่าย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 392 ผู้ใดทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัวหรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งตนเองและทีมกฎหมายก็พร้อมสู้คดี
นอกจากนี้ตนเองก็ได้ ดำเนินคดีกับนายเดชาด้วยเช่นกัน ในข้อหาหมิ่นประมาทหลายกรรมหลายวาระ ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ ซึ่งหากนายเดชามาขอโทษก็พร้อมที่จะถอนคดี แต่ถ้าไม่ขอโทษก็จะดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายให้ถึงที่สุด
ส่วนประเด็นการเมืองช่วงหาเสียงเลือกตั้ง 2566 นายมงคลกิตติ์ ได้แสดงจุดยืนว่าพรรคตนจะไม่แก้ ม.112 เด็ดขาด พร้อมฝากไปถึงพรรคเพื่อไทย ให้ตอบคำถามชัดเจนในประเด็น ม.112 ว่าจะแก้ไขหรือไม่ ถ้าจะต้องจับมือกับพรรคก้าวไกล ตั้งรัฐบาล